sport news

แชมเปียนส์ลีก 2020-2021: แมนเชสเตอร์ซิตี้คว้าแชมป์

ในฤดูกาล 2020-2021 Champions League ที่ผ่านมาเป็นฤดูกาลที่ไม่เหมือนใครสำหรับทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ เพราะพวกเขาคว้าแชมป์ลีกรายการนี้ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ลุ้นแชมป์เปี้ยนส์ลีกอย่างตื่นเต้นและสร้างความตื่นเต้นให้แฟนบอลทั้งในประเทศและทั่วโลก ทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้แสดงความสามารถและเอกลักษณ์ในการเล่นฟุตบอล เป็นทีมที่มีความสมดุลและมีเทคนิคที่ยอดเยี่ยม แม้จะเจอคู่แข่งที่แข็งแกร่ง แต่ก็สามารถโชว์ความยอดเยี่ยมในการเก็บแต้มทั้งเกมรุกและเกมรับ การคว้าแชมป์แชมเปียนส์ลีกเป็นการยืนยันอีกครั้งว่าแมนเชสเตอร์ซิตี้เป็นหนึ่งใน “หงส์แดง” ของฟุตบอลอังกฤษ พวกเขาเป็นแบบอย่างที่มีประสบการณ์และเอกลักษณ์ที่สำคัญในวงการฟุตบอล

ทีมที่ดีที่สุดทั้งในแง่ของมวลมหาประชาชนและผลงานที่จับต้องได้ประสบความสำเร็จอย่างที่ควรจะเป็น ไม่พลิก ไม่พลิก ไม่เสียน้ำตาอีกต่อไป.. แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ก็สามารถยุติการรอคอยของตัวเองได้เช่นกัน เป็นฤดูกาลที่สิ้นสุดการรอคอยที่ยาวนานสำหรับบางทีม ลูตันทาวน์ได้เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดในรอบ 31 ปี, นาโปลีคว้าแชมป์เซเรียอาในรอบ 33 ปี, เวสต์แฮมยูไนเต็ดคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คลับ คัพ 58 ปี เป๊ปและซิตี้อาจไม่ได้รอนานขนาดนั้นเพื่อคว้าแชมป์ยุโรป เป๊ปรอคอยมา 12 ปีนับตั้งแต่ที่เขาคว้าถ้วยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกครั้งล่าสุด ในขณะที่ซิตี้อาจได้รับ การเล่นถ้วยยุโรปเกิดขึ้นในฤดูกาล 1968/69 ในฐานะแชมป์ดิวิชั่น 1 ของอังกฤษ ซึ่งจบลงด้วยการที่ Fenerbahce จาก Türkiye ตกรอบในรอบแรก แต่ก็คงไม่ผิดหากจะบอกว่าการรอคอยแชมป์ยุโรปนั้นเริ่มจริงจังขึ้น ในยุคที่สโมสรอยู่ในมือของ ชีค มันซูร์

ตั้งแต่เดือนกันยายน 2551 เมื่อกลุ่มการลงทุนจากอาบูดาบีเข้ามาซื้อสโมสร ซึ่งตามมาด้วยข้อตกลงที่สั่นคลอนมากมายจนถึงวันนี้ ใช้เวลา 15 ปี ถ้าถามว่า 15 ปีนานไหม ต้องบอกว่าเทียบกับ 31 ปีของลูตัน 33 ปีสำหรับนาโปลีหรือ 58 ปีสำหรับเวสต์แฮมนั้นไม่นาน แต่หากเทียบกับศักยภาพของทีมที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก 7 สมัย, รองแชมป์ 3 สมัย, อันดับสาม 2 สมัย, อันดับ 4 และ 5 สมัยละ 1 สมัยภายใน 15 ปีนั้น และยกระดับตัวเองเป็นหนึ่งใน ขาประจำของแชมเปียนส์ลีกยังเป็นหนึ่งในทีมเต็งของยุโรปทุกปี บอกได้คำเดียวว่านานมาแล้ว เป็นเวลานานแล้วที่ทีมอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะมีเป้าหมายในการเป็นแชมป์ยุโรป ประตูนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนที่ เซร์คิโอ อเกวโร จะยิงประตูประวัติศาสตร์นั้นในปี 2012

แทงบอล

กว่า 15 ปีที่ผ่านมา ซิตี้ต้องประสบกับความบอบช้ำในการแข่งขันครั้งนี้ “เกือบสมหวัง” “ตกม้า” “สะดุดเท้า” “หมดตัว” “หมดเคราะห์” หรือ “โดนอาเพศ” ไม่เป็นสองรองใคร ในอังกฤษ พวกเขาเป็นเหมือนคลื่นยักษ์ที่กวาดล้างทุกสิ่ง แต่ไม่ใช่ในยุโรปแบบบิ๊กเอียร์ยังเล่นแรงไม่ยอมให้เศรษฐีเชยชมง่ายๆ ‘ให้ฉันเห็นความพยายามของคุณก่อน และในเวลานั้นฉันจะมอบหัวใจให้กับคุณ’ แน่นอนว่าซิตี้เป็นเศรษฐี พวกเขามีต้นทุนทางการเงินที่สูงกว่าทีมอื่น ๆ แต่ในทางกลับกัน พวกเขาก็ต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ นาซูร์ส่งมานั่งตำแหน่งประธานสโมสรตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ เขาใช้เวลา 3 ปีคุมทีมคว้าแชมป์เอฟเอคัพ.. 4 ปีคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก.. 6 ปีคว้าแชมป์ลีกคัพแต่ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกยังว่างอยู่

ระหว่างทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กวาดถ้วยรางวัลในประเทศมากมายราวกับเป็นการคว้ามาง่ายๆ หากนับรวมถ้วยแชมป์คอมมูนิตี้ ชิลด์ 3 สมัยด้วย พวกเขาเข้าสู่ฤดูกาล 2022/23 ซึ่งเป็นฤดูกาลที่ 15 ในยุคอาบูดาบี โดยเก็บได้ทั้งหมด 17 ถ้วย.. พรีเมียร์ลีก 6 เอฟเอคัพ 2 ลีกคัพอีก 6 รายการ แต่แน่นอนตู้ถ้วยรางวัล ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ถ้วยรางวัลที่ใหญ่ที่สุดยังรออยู่ และยังคงว่างเปล่า สิ่งที่น่าปวดหัวคือในขณะเดียวกันความพยายามซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็เป็นศูนย์ เชลซีซึ่งฝันถึงการเป็นแชมป์ยุโรปก็สามารถทำได้ถึงสองครั้ง ลิเวอร์พูลซึ่งถูกเปลี่ยนมือในช่วงเวลาเดียวกัน ได้สะสมแชมป์ยุโรปอีกสมัยและยังสามารถผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศได้ 2 ครั้ง

จะเป็นชาวยุโรป..แน่นอน ถ้าเก่งพอ ก็เป็นไปได้.. แต่หลายครั้งความสามารถเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ คุณต้องมีจังหวะที่เหมาะสมด้วย เพราะคู่ต่อสู้ในเวทีนี้ล้วนแต่มีเล่ห์เหลี่ยม เรอัล มาดริด ชนะ 14 ครั้ง, เอซี มิลาน 7 ครั้ง, ลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น มิวนิค 6 ครั้ง หรือบรรดาขาใหญ่ขาเล็กก็พร้อมลงโทษ คุณทุกวินาทีเมื่อมาถึงเกมน็อกเอาต์ รอบแบ่งกลุ่มที่เล่นในบ้านและเยือน 6 เกมไม่ใช่ปัญหา ซิตี้ตกรอบแบ่งกลุ่มแค่สองครั้งในยุคตั้งไข่ของแมนโช่ และตั้งแต่มานูเอล เปเญกรินี่เข้ามาแทนที่เป๊ป กวาร์ดิโอลา พวกเขาไม่เคยพลาดรอบน็อกเอาต์เลย เลย

แค่รอบน็อกเอาต์ที่เป็นอุปสรรคใหญ่ เป็นสุสานของทีมที่ดี มาเยอะแล้วกับการที่สุดท้ายก็ชนะได้แค่ทีมเดียว ซิตี้ไม่เคยสามารถข้ามกำแพงนี้ไปได้ ด้วยอาการบาดเจ็บเล็กน้อย บาดเจ็บสาหัส และจบลงด้วยการรอคอยที่ดูเหมือนไม่มีวันสิ้นสุด ดินาโม เคียฟ ประตูรวม 1-2 (0-2 เกมแรกที่เคียฟ และกลับมาชนะเพียง 1-0) ฤดูกาล 2011/12 (มันชินี่) ตกรอบแบ่งกลุ่ม รั้งอันดับ 3 รองจาก บาเยิร์น มิวนิค และ นาโปลี ตกชั้นไปเล่น ยูฟ่ายูโรปาลีก, แพ้คะแนนลิสบอน 3-3 ประตูทีมเยือน, 2012/13 รอบ 16 ทีม (มันชินี่) ตกรอบแบ่งกลุ่ม, ไม่แพ้ใครมา 6 เกม, แค่สามแต้มในกลุ่มกับเรอัลมาดริด Boru. เซีย ดอร์ทมุนด์ และ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ฤดูกาล 2013/14 (มานูเอล เปเญกรินี่) ตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย, แพ้บาร์เซโลน่า 1-4 รวมผลสองนัด (0-2 เกมแรกที่แมนเชสเตอร์ และ 1-2 ที่แคมป์) นู ดานี่ อัลเวส และลิโอ

อ้างอิงจาก : siamsport.co.th


อ่านบทความข่าวสารอื่น ๆ เพิ่มเติมได้ที่ minoterie-morineau.com อัพเดตทุกสัปดาห์

Releated